แก้ไขความเชื่อผิดๆ เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย
5 พฤติกรรมยอดฮิตที่เกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์
บนท้องถนนทุกวันนี้ยังคงมีเรื่องเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับการขับรถ ซึ่งผู้ขับขี่ส่วนใหญ่มักจะขับรถตามความเคยชินเป็นหลัก โดยไม่รู้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้
พฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนคิดว่าไม่สำคัญ อย่างเช่น การให้สัญญาณแก่เพื่อนร่วมทางแบบผิดๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุใหญ่อย่างคาดไม่ถึง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มาจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการขับรถ ไม่มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการขับขี่รถที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อทั้งตนเอง และต่อผู้โดยสารร่วมเดินทางคนอื่นๆ
ได้เวลาหันมาสังเกตพฤติกรรมการขับรถของตัวเอง ว่ายังคงขับรถด้วยทักษะแบบผิดๆ อยู่หรือไม่ พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับรถให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตบนท้องถนน
5 พฤติกรรมยอดฮิตที่เกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์
1. ติดนิสัยชอบเปิด ‘ไฟฉุกเฉิน’ พร่ำเพรื่อ
ผู้ขับขี่คนไทยติดนิสัยชอบเปิดไฟฉุกเฉินในแทบทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟฉุกเฉินตอนขับรถข้ามแยก, เปิดไฟฉุกเฉินตอนจอดรถซื้อของริมถนน หรือ เปิดไฟฉุกเฉินตอนมีฝนตกหนัก หรือมีหมอกลงจัด ทั้งหมดนี้คือพฤติกรรมการขับรถแบบเคยชินที่ทำตามๆ กันมา แต่ไม่ถูกต้อง!
วัตถุประสงค์ของการใช้ไฟฉุกเฉิน คือการส่งสัญญาณเตือนในกรณีที่มีเหตุอันควร เช่น กำลังจะเกิดการเบรกอย่างกะทันหัน, เมื่อรถวิ่งมาด้วยความเร็วแล้วเจอสิ่งกีดขวางข้างหน้า หรือ การขอจอดฉุกเฉิน เนื่องจากรถยนต์ขัดข้อง เป็นต้น
การเปิดไฟฉุกเฉินตอนขับรถข้ามแยก สร้างความสับสนให้กับผู้ขับรถคันอื่นๆ เพราะจะมองเห็นไฟกะพริบแค่ในมุมเดียว ไม่รู้ว่าเราจะต้องการเลี้ยวเปลี่ยนเลนไปในทิศทางใด เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดอุบัติเหตุจากความเข้าใจผิดได้ รวมถึงการเปิดไฟฉุกเฉินพร้อมๆ กันในขณะที่มีฝนตกหนัก จะยิ่งทำให้รถคันอื่นๆ กะระยะด้วยสายตาได้ยาก ดวงตาที่มองไปข้างหน้าเกิดการพร่ามัวจากไฟฉุกเฉิน ที่กะพริบถี่ๆ ติดต่อกันหลายคัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้เช่นกัน
2. ขับรถลงเขา หรือลงสะพาน โดยใช้เกียร์ว่าง
พฤติกรรมเสี่ยงยอดฮิตที่หลายคนยังทำตามๆ กันมา โดยมีความเชื่อว่าการขับรถลงจากเขาหรือสะพานควรจะต้องเข้าเกียร์ว่างไว้ ซึ่งจะทำให้รถยนต์ประคองตัวได้ดีขึ้น และยังช่วยประหยัดน้ำมัน แต่ความจริงแล้วนี่คือพฤติกรรมการขับรถยนต์ที่อันตรายมาก การใช้เกียร์ว่างมีส่วนสำคัญทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย ทำให้รถพุ่งตัวด้วยความเร็วที่บังคับได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จนนำไปสู่การสูญเสียการควบคุมรถ วิธีขับรถลงจากเขาหรือสะพานที่ถูกต้อง ควรใช้วิธีถอนคันเร่ง และใช้เกียร์ต่ำในการขับรถ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการลงจากเนินสูง และรถยังอยู่ในการควบคุมของผู้ขับขี่
3. ขับรถแซงซ้ายวิ่งบนไหล่ทาง
การขับรถแซงซ้ายบนไหล่ทาง ถือเป็นพฤติกรรมมักง่ายที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ร่วมเดินทางคันอื่นๆ เพราะไหล่ทางเป็นช่องที่เว้นไว้สำหรับในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินบนถนนเท่านั้น ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำคัญของรถฉุกเฉิน รถเจ้าหน้าที่ หรือ รถยนต์ที่เสียชั่วคราว หากมีรถการแซงบนไหล่ทางด้วยความเร็วสูงในขณะที่มีรถฉุกเฉินจอดอยู่ รถอาจหยุดไม่ทัน และพุ่งชนรถที่จอดอยู่ริมทางได้ ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน อีกทั้งยังทำให้รถที่มาจากทางขวาเพื่อเบี่ยงซ้ายมองไม่เห็น ก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับรถคันอื่นได้อีก
แม้ปัจจุบันในเมืองหลวงที่มีการจราจรคับคั่งและติดขัด อาจมีการอนุญาตให้วิ่งรถบนไหล่ทางได้เฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่จะไม่อนุญาตให้รถสามารถวิ่งบนไหล่ทางได้ตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าสภาพการจราจรคลี่คลาย และมีความคล่องตัวสูงแล้ว ก็ไม่ควรขับรถบนไหล่ทาง หรือขับรถแซงซ้ายบนไหล่ทางอีก
4. เมื่อติดไฟแดง ให้เข้าเกียร์ตำแหน่ง ‘P’
รถยนต์ระบบเกียร์อัตโนมัติ มีสัดส่วนการใช้งานสูงสุดบนท้องถนนประเทศไทย ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีเกียร์ P (Park) เป็นเกียร์ที่มีการล็อกเฟืองขับเคลื่อน จึงควรใช้ในกรณีที่รถจอดสนิทเท่านั้น หลายคนมักเข้าตำแหน่งเกียร์ P เมื่อเห็นว่าต้องติดไฟแดงนานๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วแม้จะติดไฟแดง แต่รถควรจะมีความพร้อมวิ่งออกตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีเหตุสุดวิสัย รถคันท้ายวิ่งเข้ามาชน รถยนต์ที่เข้าเกียร์ P ไว้จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และยังส่งผลกระทบทำให้ระบบเกียร์เสียหาย ดังนั้นเมื่อติดไฟแดง ควรจะปรับเกียร์ในตำแหน่ง N จะเป็นการดีที่สุด⁽ª⁾
5. สามารถกลับรถได้ทุกแยก
ผู้ขับขี่ในบ้านเราส่วนใหญ่ยังมีพฤติกรรมขับรถแบบผิดๆ คือ กลับรถในทุกจุดที่มีแยก โดยเฉพาะทางร่วมแยกที่มีถนนหลายสายมาบรรจบกัน และเป็นจุดเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เพราะมีรถจำนวนมากมายมาจากทุกทิศทาง ตามกฎจราจรผู้ขับขี่จะสามารถกลับรถได้ เฉพาะทางแยกที่มีป้ายหรือเครื่องหมายจราจรกำกับไว้เท่านั้น
6. ขับรถแช่เลนขวา
ถนนเลนขวา เป็นช่องทางสัญจรสำหรับรถที่ใช้ความเร็ว และรถที่ต้องการแซงไปข้างหน้าเท่านั้น เมื่อผู้ขับขี่แซงรถในเลนขวาเสร็จแล้ว จะต้องนำรถกลับเข้าสู่ถนนเลนซ้ายเสมอ แต่ผู้ขับขี่คนไทยมากมายติดพฤติกรรมขับรถแช่เลนขวาอย่างต่อเนื่องไปตลอดเส้นทาง ซึ่งเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ขับขี่คันอื่น เพิ่มอุบัติเหตุการชนท้ายรถ และปิดกั้นพื้นที่ทำให้รถคันอื่นไม่สามารถแซงไปข้างหน้าได้
การขับรถช้า หรือแม้แต่การขับรถด้วยความเร็วตามกฏหมายกำหนด แต่แช่เลนขวา นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังสร้างความอึดอัดให้กับผู้ใช้รถคันอื่นๆ และทำให้สภาพการจราจรแออัดยิ่งขึ้น พฤติกรรมการขับรถแช่เลนขวาจึงถูกจัดให้เป็นพฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงอันตรายบนท้องถนน
7. ไม่ตรวจสภาพรถยนต์ก่อนใช้งาน ปล่อยปละละเลยสัญญาณเตือน
เครื่องยนต์ คือหัวใจของรถ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญที่สุดที่เราใช้ในการขับขี่ หากรถยนต์เป็นอะไรไป อุบัติเหตุก็พร้อมรอจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ มีคนมากมายเอาชีวิตของตัวเองไปฝากไว้กับรถ หวังว่ารถคันที่ซื้อมาหลายล้านบาทจะมีคุณภาพดีอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดอาการผิดปกติใดๆ ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ไม่ว่าจะเป็นรถรูปแบบใด เราต้องรู้จักตรวจสอบสภาพรถยนต์คันที่เราขับ และมีความรู้ในการแก้ไขความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรถยนต์
หากพบสัญญาณเตือนของความผิดปกติเกี่ยวกับรถ ต้องรีบทำการตรวจสอบและซ่อมแซมในทันที ไม่ควรปล่อยปละละเลยดำเนินการซ่อมในภายหลัง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่ควรนำรถออกไปเสี่ยงบนถนน เพราะความขัดข้องที่เกิดจากรถยนต์สามารถนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้ทุกนาที
หยุดพฤติกรรมเสี่ยงขับรถแบบผิดๆ เริ่มต้นเรียนขับรถกับโรงเรียนสอนขับรถอย่างจริงจัง!
ทักษะการขับขี่อย่างถูกต้องและปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับรถทุกคนต้องมี แต่น่าเสียดายที่ผู้ขับขี่ในประเทศเราส่วนใหญ่ มักเริ่มต้นเรียนขับรถกับคนรู้จัก จึงขาดทักษะการขับขี่ที่มีความสำคัญมากมาย ขับรถได้อย่างเดียวแต่ขับรถไม่เป็น แม้แต่เรื่องกฎหมายจราจรก็มีความรู้น้อยมาก รวมถึงการขาดความรู้ในการตรวจสอบสภาพรถยนต์ด้วยหลักการ BE-WAGON ที่มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้
จุดเริ่มต้นของการเรียนขับรถ คือก้าวสำคัญที่สุด ด้วยทักษะการขับขี่อย่างถูกต้องและปลอดภัย จะเป็นตัวชี้วัดถึงคุณภาพการใช้ชีวิตบนท้องถนนที่ปลอดภัยได้ หากคุณกำลังมีความสนใจอยากเรียนขับรถ หรือ มีลูกหลานที่กำลังเริ่มขออนุญาตขับรถเป็นครั้งแรก เลือกพาตัวเองและคนที่คุณรัก ไปเรียนขับรถกับโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขับรถที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ซึ่งหลักสูตรการสอนขับรถในโรงเรียนสอนขับรถที่ได้มาตรฐานนั้น จะไม่เพียงแค่ทำให้คุณจะมีทักษะการขับขี่ที่ดี แต่ยังพาคุณไปเรียนรู้เรื่องกฎหมายจราจรที่สำคัญ รู้มารยาทและจิตสำนึกในการขับขี่ รู้จักหลักการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ BE-WAGON และทักษะการขับขี่เชิงป้องกันอุบัติเหตุที่มีความสำคัญมากที่สุด
สำหรับผู้ที่ขับรถได้อยู่แล้ว แต่ต้องการเสริมทักษะการขับขี่ที่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ใช่แค่ขับได้ หรือทักษะอื่นๆ ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นใหม่อย่างถูกต้อง ทักษะการขับรถที่ดีและปลอดภัยจากโรงเรียนสอนขับรถ ที่สอนโดยครูผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์ และสอนอย่างเป็นมืออาชีพ จะทำให้คุณมีทักษะในการขับขี่ที่นำไปใช้ป้องกันความเสี่ยงต่างๆ บนท้องถนน รักษาชีวิตของตนเองและผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้น
หากคุณกำลังมองหาโรงเรียนสอนขับรถ พร้อมสอบใบขับขี่ ใกล้ฉัน โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน โรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก และกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมถ่ายทอดความรู้และทักษะการขับรถที่ดี ถูกต้อง และปลอดภัย จากครูผู้สอนขับรถมืออาชีพ มีประสบการณ์สอนขับรถมาอย่างยาวนาน พร้อมใบอนุญาตสอนขับรถ และผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกทุกคน ทำให้หลักสูตรการเรียนการสอนขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วันนั้นได้มาตรฐาน สมความคาดหวัง มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับทักษะการขับขี่ที่สำคัญอย่างครบถ้วน และครอบคลุมทุกทักษะสำคัญ
โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน โรงเรียนสอนขับรถเต็มรูปแบบ สอนขับรถยนต์ พร้อมสอบใบขับขี่ สอนขับมอเตอร์ไซค์ พร้อมสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ โดยครูผู้ฝึกสอนที่ผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกมาแล้วเท่านั้น เรียนขับรถครบจบหลักสูตรแล้ว สามารถสอบใบขับขี่รถยนต์ที่โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วันได้เลย ให้ทั้งความสะดวกสบาย และผลการสอบใบขับขี่รถยนต์ และสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ในระดับเลิศ พื้นที่การสอนภาคสนามมีคุณภาพได้มาตรฐาน ฝึกสอนขับรถโดยพาออกถนนจริงที่มีการจราจรคับคั่ง ตรงใจกลางเมือง เพื่อให้การเรียนขับรถของคุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เรียนขับรถอย่างมีคุณภาพ ให้คุณเป็นหนึ่งในผู้ขับรถได้และดี ขับขี่ได้อย่างปลอดภัยตลอดชีวิต
“โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน ขับขี่ได้ดี ปลอดภัยทุกวัน”
สนใจติดต่อเรียนขับมอเตอร์ไซค์ พร้อมสอบใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 02-1170031, 02-1170091, 096-8366313, 083-8237997