ปลอดภัยไว้ก่อน 6 เช็คลิสต์ วิธีลดและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน จากโรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน
ขับขี่ปลอดภัยด้วย 6 ขั้นตอนเชิงป้องกันจาก โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน
ทุกๆ การขับขี่บนท้องถนน มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกขณะ ความจริงที่น่าตกใจคือ ประเทศไทยมีประชากรเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากที่สุดในอาเซียน และเกิดอุบัติเหตุเยอะสูงสุดติดอันดับ Top 10 ของโลกทุกปี!
อุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่เพียงสร้างความสูญเสียให้กับผู้ประสบภัย แต่ยังสร้างบาดแผลในใจให้กับคนรอบข้างที่ต้องคอยดูแล สูญเสียเงินทองที่หามาทั้งชีวิต หรือต้องดิ้นรนหาเงินมารักษา อาจหดหู่ถึงขั้นอยากจบชีวิต เรื่องน่าสลดเหล่านี้เกิดจาก ‘อุบัติเหตุ’ คำที่หลายๆ คนฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ แต่แท้จริงแล้วอยู่ใกล้กับชีวิตของพวกเราทุกคนมากกว่าที่คิด
หยุดเหตุการณ์เลวร้าย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ เริ่มได้ที่ตัวเรา ผู้ขับรถทุกคนสามารถควบคุมไม่ให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่มีพื้นฐานจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขาดทักษะขับขี่ที่ถูกต้อง ความประมาทเลินเล่อ ละเลยไม่ใส่ใจในกฎจราจร หรือใช้รถในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ตลอดจนการขับรถในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
6 เช็คลิสต์ วิธีลดและป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
1. ตรวจสุขภาพกาย และสุขภาพใจ ให้มีความพร้อมอยู่เสมอ
หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุมาจาก ‘คน’ ขับรถในขณะที่ร่างกายไม่มีความพร้อม เช่น นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วมาขับ, รับประทานยาที่มีผลต่อการขับขี่ ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก, ขับรถติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ โดยไม่พัก หรือแม้กระทั่งการดื่มสุราและของมึนเมาแล้วมาขับรถ พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพในการขับขี่ลดลง ตัดสินใจได้ช้าลง และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
ทุกครั้งก่อนเดินทาง ผู้จะขับรถควรสำรวจสุขภาพกายของตัวเองให้มีความพร้อม เช็คว่าตัวเองได้รับการพักผ่อนเพียงพอหรือยัง ไม่กินยาต้องห้ามที่มีผลต่อการขับขี่ ปลอดแอลกอฮอล์ในระบบร่างกาย รวมถึงการตรวจสุขภาพจิตใจของตัวเองให้สามารถครองสติได้อยู่เสมอ มีสมาธิ ไม่อยู่ในช่วงอารมณ์หงุดหงิด โกรธโมโห มีความพร้อมที่จะขับรถอย่างมีมารยาทบนท้องถนน พร้อมที่จะให้อภัยผู้อื่นหากต้องเจอเรื่องที่ทำให้เคืองใจในระหว่างการขับขี่
2. ตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง
สำรวจสุขภาพกายและสุขภาพใจของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาตรวจสุขภาพรถ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในการขับขี่ เริ่มจากการเดินสำรวจรอบคันรถว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีน้ำอะไรหยดออกมานอกตัวรถ ตรวจเช็คสภาพรถตามหลักการ BEWAGON เช็คระบบเบรก, ระบบไฟฟ้าของรถ, ระบบน้ำต่างๆ, ระบบที่เกี่ยวกับอากาศและลม, ตรวจระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊ส และเช็คระบบน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ ให้มีความพร้อมใช้งาน รวมถึงการสังเกตเสียงและสัญญาณไฟที่เกิดขึ้นอย่างผิดปกติเมื่อเครื่องรถยนต์เริ่มทำงาน
3. คาดเข็มขัดนิรภัย สวมหมวกนิรภัย
เมื่อรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานแล้ว ก่อนจะจับพวงมาลัยบังคับรถหรือจับคันเร่งมอเตอร์ไซค์ สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารต้องทำ คือการคาดเข็มขัดนิรภัย หรือสวมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ อุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองชีวิต ลดโอกาสของการบาดเจ็บให้น้อยลงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
หากขับรถยนต์ต้องล็อกรถให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางด้วย จุดประสงค์หลักของการล็อกรถก็เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ผู้ขับรถจะถูกป้องกันให้อยู่ภายในตัวรถ ลดความเสี่ยงการกระเด็นออกจากนอกตัวรถ ดังนั้นผู้โดยสารที่เดินทางมาด้วย ทั้งที่นั่งข้างคนขับและนั่งเบาะด้านหลัง ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทางด้วยเช่นกัน
สำหรับมอเตอร์ไซด์ การสวมใส่หมวกกันน็อคให้ถูกต้อง เป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญมากกว่าที่หลายๆ คนคิด หากได้เรียนขับรถในโรงเรียนสอนขับรถ ผู้ฝึกจะสอนให้รู้จักหมวกกันน็อคประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้เรียนเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องตามลักษณะการใช้งาน รวมทั้งแนะนำการใช้หมวกกันน็อคอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยกับตัวผู้ขี่และผู้ซ้อนท้าย
การสวมใส่หมวกกันน็อคเป็นเรื่องสำคัญที่ถูกละเลยอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยบ้านเรา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทุกอุบัติเหตุขยายความรุนแรงไปจนถึงขั้นเสียชีวิต สูญเสียชีวิตทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย นำความเสียใจมาสู่ครอบครัวเพียงช่วงเวลาเสี้ยววินาที แค่ตัดสินใจสวมใส่หมวกกันน็อคอย่างถูกต้องในทุกๆ การเดินทาง ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น จะสามารถป้องกันอวัยวะสำคัญที่ส่งผลถึงชีวิตของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย ลดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บให้น้อยลงได้
4. ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร
การขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ทุกๆ การเดินทางผู้ขับรถควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมในการขับขี่ ดูสัญญาณไฟจราจร หรือสัญญาณมือจากตำรวจจราจร และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เปิดไฟให้สัญญาณขณะเบรกหรือเลี้ยวรถอย่างถูกวิธี เพื่อสื่อสารกับผู้ขับรถใกล้เคียงคันอื่นๆ เมื่อเห็นสัญลักษณ์ป้ายจราจรต่างๆ ตามเส้นถนน ผู้ขับรถจะต้องรู้ว่าสัญลักษณ์เหล่านั้นมีความหมายว่าอย่างไร บอกข้อมูลอะไร และต้องปฏิบัติตาม อย่าลืมว่าแท้จริงแล้ว ‘กฎหมายจราจร’ นั้น คือเสียงของเพื่อนแท้ในการเดินทาง ที่จะคอยบอกคอยเตือนเราให้เรามีสติและคอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ เมื่อทำตามเราก็จะสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ทั้งต่อตัวเองและผู้ร่วมเดินทางคนอื่นๆ
5. ขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ
การขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ เป็นทักษะคาดการณ์อุบัติเหตุที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการสอน ไม่สามารถฝึกฝนเองได้ เมื่อได้เรียนรู้ทักษะการขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุแล้ว เราจะรู้ว่าควรขับรถด้วยความเร็วประมาณไหน ควรขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ผู้ขับรถมีระยะในการตอบสนอง กรณีที่รถคันหน้าเบรกอย่างกะทันหัน รวมถึงการใช้สายตาสแกนถนน ฝึกการมองอย่างถูกหลัก ซึ่งหมายถึงการมองไกล มองกว้าง และมองให้ทั่ว มองได้อย่างถูกต้อง สิ่งนี้จะทำให้ผู้ขับรถสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ที่มองเห็นได้อย่างรวดเร็ว เพื่อการขับขี่ได้ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างตรงจุด
6. ขับรถในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม
การมีสติและไม่ประมาท เป็นเครื่องมือป้องกันภัยที่ดีที่สุดสำหรับตัวเรา ทุกครั้งที่ต้องใช้รถ ควรเลือกช่วงเวลาเดินทางที่เราสามารถขับรถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการขับขี่ในตอนกลางคืน หรือในขณะที่สภาพอากาศเลวร้าย เช่น ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด ถนนจะมีความลื่น และมีทัศนวิสัยการมองเห็นที่แย่ลง หากมีความจำเป็นต้องเดินทาง ควรใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการขับขี่ ขับช้าๆ รวมถึงการหลีกเลี่ยงพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น รถคันใกล้เคียงขับขี่ในลักษณะน่าหวาดเสียวที่เสี่ยงให้เกิดอันตราย ควรลดความเร็วลง และทิ้งระยะห่างกับรถต้นเหตุให้ได้มากที่สุด
อุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา ผู้ขับรถทุกคนสามารถควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะการครองสติสัมปชัญญะ และมีสมาธิในระหว่างขับรถอยู่เสมอ รวมถึงการมีทักษะการขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากจะช่วยลดและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังเป็นการขับขี่ที่ปลอดภัยทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น
การขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ เป็นทักษะที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้จากผู้เชี่ยวชาญ โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน สอนขับรถยนต์ สอนขับมอเตอร์ไซค์ ให้ความสำคัญกับทักษะการขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุเป็นเป้าหมายสำคัญในการสอนขับรถ เพื่อฝึกให้ผู้เรียนขับรถได้ทั้งความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการขับขี่อย่างแท้จริง เป็นการยกระดับมาตรฐานการขับรถของคนไทย ลดอุบัติเหตุ ลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินบนท้องถนนในประเทศไทย ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารร่วมเดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยในทุกๆ การเดินทาง
โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน ไม่เพียงสอนขับรถ เพื่อ ‘สร้าง’ มาตรฐานการขับขี่อย่างถูกต้องและปลอดภัยเท่านั้น แต่เรายังเสริมทักษะการครองสติ การมีจิตสำนึกและมีมารยาท รู้จักการให้อภัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น การปฏิบัติตามกฎจราจร รวมทั้งเทคนิคสำคัญเพื่อการขับรถอย่างปลอดภัย
หากคุณกำลังมองหาโรงเรียนสอนขับรถที่จะช่วยให้คุณขับรถเป็นได้ไว และขับรถได้ดีตลอดชีวิตของคุณ โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน โรงเรียนสอนขับรถที่ได้มาตรฐานการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก สอนขับรถ พร้อมสอบใบขับขี่ที่โรงเรียนได้เลย เราคือเพื่อนแท้ที่พร้อมให้ความรู้เรื่องการขับรถกับคุณด้วยความตั้งใจจริง เปิดประสบการณ์การเรียนขับรถที่จะเสริมทักษะการขับขี่ให้กับคุณได้อย่างจริงใจ ที่โรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน ขับขี่ได้ดี ปลอดภัยทุกวัน
สนใจติดต่อเรียนขับรถยนต์ พร้อมใบขับขี่รถยนต์ กับโรงเรียนสอนขับรถ ดี-วัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร: 02-1170031, 02-1170091, 096-8366313, 083-8237997